ชูวิทย์ โผล่คุยสรยุทธ แจงป่วยทิพย์ เชื่อโจ้ไม่ตายเพราะผู้คุม เตรียมไปจีนเปลี่ยนตับ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกรายการกรรมกรข่าว เคลียร์ข้อสงสัย สรยุทธ ป่วยทิพย์จริงไหม มะเร็งตับบินไปรักษาสกอตแลนด์ 1 ปี หรือว่าหายดีแล้วไปฟังคำตอบ พร้อมเล่ามุมสบาย ไม่เน้นแฉเพื่อชาติแบบสมัยดุดัน ยันชีวิตอดีตผู้กำกับโจ้ ในเรือนจำคลองเปรม ชีวิตข้างในไม่ง่าย เชื่อผู้คุมทำให้ตายเป็นไปได้ยาก!
หลังหายหน้าไปพักใหญ่ๆ เพื่อรักษาตัวจากโรคร้าย ล่าสุด เฮียชู ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจอดีตนักการเมือง ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อสดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยคนไปออกรายการด้วยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เฮียสอ สรยุทธ สุทัศนะจินดา แห่งกรรมกรข่าว โดยประเด็นหลักใหญ่ใจความที่สองตัวพ่อจากสองวงการต้องมานั่งคุยกันสดๆ ในรายการข่าว
นับจากวันที่ 20 ก.ค.2565 ที่นายชูวิทย์ ได้มาออกรายการสรยุธทสมัยแฉเพื่อชาติ ตั้งแต่คนยังไม่ทราบข่าวป่วยหนัก ซึ่งตอนนั้นหอบเอกสารพาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปัจจุบันเป็นอดีตผู้นำประเทศไปเรียบร้อย
อย่างไรก็ดี หนล่าสุดที่มาเปิดหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับหลุดคำตอบแรกที่ยืนกรานกับผู้ดำเนินรายการมือทองและไบรท์ พิชญทัฬห์ ผู้ประกาศข่าวสาว โดยย้ำชัดเจนว่า ตัวเองไม่ได้ป่วยทิพย์จนต้องร้างลาหายหน้าหายตาจากบนสื่อสังคมไปเป็นเวลานาน


“อ่า แอม แบค (I’m back) เขาว่าอยน่างนั้น! เวลาที่เขาประสบปัญหาชีวสิตเรื่องสุขภาพ มีคนถามเยอะเลยว่า ป่วยทิพย์หรือเปล่า?” จบประโยคกึ่งทักทายดังกล่าวกับแขกรับเชิญ เฮียสรยุทธถือโอกาสช่วยยืนยันอีกเสียงว่าอีกฝ่ายเป็นมะเร็งที่ตับจริงไปรักษาตัวที่สกอตแลนด์ เป็นรพ.ให้พักอาศัยเป็นหลังๆ เข้าคอร์สรักษาเป็นเวลา 1 ปีโดยประมาณนับแต่มีข่าวบินไปรักษาตัวต่างประเทศ
ขณะที่ชูวิทย์ที่นั่งฟังสักพัก หลังส่งเสียงแกล้งตัดพ้อพร้อมยกมือไหว้ทักทายผู้ดำเนินรายการทั้งสองเสร็จถึงคิวเจ้าตัวแจกแจงข้อสงสัยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกว่าทุกครั้งที่โผล่พบสื่อ
“ใครจะไปแกล้งป่วยคุณเอ้ย” จากนั้นแขกรับเชิญอดีตตัวตึงฝากไปถึงผู้ชมทางบ้านและทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ คนเราในวันที่ตกต่ำ คนเราก็มีเท่านี้จริงๆ ไม่ตายก็ติดคุก ส่วนตนติกคุกมาแล้ว ปัจจุบันเจริญมรณานุสติ (เป็นวิธีภาวนารูปแบบหนึ่ง เพื่อให้เราระลึกถึงความตาย ว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นความจริงของโลกใบนี้ และความตายจะต้องมาถึงทุกคนในวันหนึ่ง) วันนี้มาเปิดเตัวกับรายการคุณสรยุทธ มาคุยสบายๆ ไม่เป็นแบบเดิมแล้ว


ช่วงหนึ่งนักธุรกิจเจ้าพ่ออ่างทองคำอดีตมือระดับแพลตตินั่มเผยว่า ตนยังติดตามนายสรยุทธอยู่เป็นประจำ ก่อนกระแสข่าวอะไรที่นำมาคุยกันเพื่อเป็นความรู้ เพราะอย่างหนึ่งที่รู้มากกว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมที่ชอบออกสื่อในปัจจุบัน คือเรื่องในคุก เหตุผลชัดเจนเพราะอีกฝ่ายไม่เคยได้ไปอยู่จริงๆ จะสัมผัสจริงๆ ได้ยังไง
หลังเอ่ยทักทายตามประสาคนคุ้นเคยพอหอมปากหอมคอ ฝ่ายแขกรับเชิญไม่รอช้าเล่าเรื่องราวความแตกต่างระหว่างชีวิตในเรือนจำบางขวาง โดยเน้นย้ำเหมือนจะโหมโรงหนักแน่นว่า ที่นี่ไม่เหมือนกับเรือนจำที่อื่น! ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่เหมือนทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
นักโทษที่อยู่คลองเปรมเป็นโทษสูงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ใครไม่เคยเข้าจะไม่ทราบ ยกตัวอย่างห้องที่เห็นนั้นก็อยู่กัน 4 คน ถ้าพิเศษกรุงเทพฯ จะเป็นห้องรวม

นายชูวิทย์ยกตัวอย่างตอนที่ตัวเองติดคุกอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ห้องรวมอยู่กันราว 70-80 คน เพราะตำรวจขยันจับพม่าจับเขมรมาอยู่ นอนตะแคงพยายามกั้นอย่าเข้าห้องน้ำ เพราะกลับมาที่นอนหายไปแล้ว โดนนักโทษคนอื่นแย่งไปแล้ว
“นอนตรงกลาง ก็นอนดมส้นตีนคนอื่นเขาด้วย” ชูวิทย์ ย้ำข้อเท็จจริงกลิ่นฉุนตามสไตล์ก่อนย้ำประเด็นเดิมอีกครั้งตั้งแต่คุยยังไม่ผ่าน 1 ชม.ดิบดีว่า ..แต่คลองเปรมไม่เหมือนที่อื่น! โดยแต่ละห้องเล็กๆ อยู่กัน 4 คน ตนถามความเป็นอยู่มาหมดแล้ว พื้นที่ที่นั่นกว้างขวางพอสมควร ตรงข้ามกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งแดนหนึ่งพื้นที่แค่ 4 ไร่ นักโทษอยู่กันเป็น 700 คน ยิ่งเทียบกับบ้านเศรษฐีสี่ไร่อยู่กันแค่ 4-5 คน นี่เจ็ด-แปดร้อยคนก็หนาแน่นกว่า
การอยู่คลองเปรมโทษหนักโทษสูง ดังนั้นคุณอยู่ห้องเดียว 4 คนไปเลย นายชูวิทย์ขออนุญาตเอ่ยชื่อ “โจ้” (พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล) เพราะเขาไปสู่สคติแล้ว ส่วนที่ไปดราม่าฆ่าตัวตายหรือโดนทำให้ตายนั้น
นายชูวิทย์ ระบุ จากมุมมองของตนเชื่อว่าน่าจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว ยืนยันได้เลยว่าผู้คุมไม่อยากให้ตายในคุก เพราะจะเดือดร้อนหนัก ตัวอย่างเช่นเคสนี้ของอดีตผกก.โจ้ ไปปุ๊ป! มี 4 คนเข้ามาเลย คือ
- ตำรวจท้องที่
- เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ
- อัยการ
- ทีมแพทย์และหมอ
ชูวิทย์ย้ำถ้าผู้คุมตั้งใจทำให้ “โจ้ตายในคุก” กระบวนการปกปิดข้อเท็จจริงต่างๆ คนข้างในเองย่อมทราบดี ปิดพิรุธไปได้ไม่ตลอด ทั้งนี้ต้องไม่ลืมการอยู่ในคุกนั้นไม่ง่าย ความกดดันสูงมาก ต่อมาเรื่องของคดี การที่สู้คดีในคุกไม่ต่างจากทุกคนในครอบครัวร่วมสู้ไปด้วย ญาติใคนที่เคยอยู่ข้างในย่อมรู้ดีว่า เวลาติดคุกเราไม่ได้ติดคนเดียว ครอบครัว-ญาติพี่น้องพ่อแม่เหมือนกับติดตารางไปด้วย ซึ่งตนไม่ได้แนะนำใครให้ไปติดคุก แต่ปัจจุบันคนข้างในมีครบหมด! ตั้งแต่รัฐมนตรี-นายพล-นักการเมือง เมื่อเข้าไปในคุกก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบเรือนจำ ตำแหน่งต่างๆ ต้องกองไว้หน้าคุกอย่าได้นำเข้าไป
“พออยู่ในคุกก็อย่าเอาเรื่องนอกคุกเข้ามา มันจะทำให้เรามีความกดดันมากขึ้น เราควรจะหยุดเรื่องราวต่างๆ อย่างผมเข้าไปในคุกก็คุยเรื่องตลก เรื่องสนุกให้หมดไปวันๆ”

ต่อมา สรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดเผยเบื้องหลังของนายชูวิทย์ตอนที่อยู่ใมนเรือนจำ ตัวเองก็เคยเผชิญกับความกดดันมาแล้วเช่นกัน โดยตอนนั้นเจ้าตัวไปมีโจทก์ด้วย เป็นปัญญหาที่ไปพูดเรื่องข้าวพัด 5,000 บาท ซึ่งชูวิทย์ได้ยินดังนั้นสารภาพทันที มุมหนึ่งไม่มีใครชอบคุณและเช่นเดียวกัน “ในนั้นก็คงไม่มีใครชอบผมหรอก เพราะผมพูดความจริงมากไป”
หลังยอมรับความจริงถึงเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่ปลื้ม แขกรับเชิญที่ป่วยหนักและกำลังรักษาตัวถือโอกาสย้อนประวัติที่เคยเป็นนักเขียนออกหนังสือชื่อ “เหลี่ยมคุก” พิมพ์โดยสำนักพมิพ์มติชน ซึ่งเจ้าตัวย้ำเองว่า หนังสือเล่มดังกล่าวยอดขายดีมาก ก่อนจะปรารภต่อว่า “พูดง่ายๆ เข้าไปในคุกก็ตองมีเหลี่ยม ไม่งั้นหมดตัว”


ส่วนที่ถูกถาม คิดว่ากรณีของ “ผกก.โจ้” เป็นไงแน่?
อีกฝ่ายเริ่มจากร่ายยาวถึงนิสัยบุคลิกใจคอว่า เป็นคนหนุ่มมีสตางค์ เคยขับเฟอร์รารี บ้านหลังใหญ่มีสระว่ายน้ำ แต่ปรากฏต้องเข้าไปนอนในห้องขัง 4 เหลี่ยม เข้าเป็นเวลาออกเป็นเวลาแบบนั้น ไม่เคยรู้จักคำว่าขาดอิสรภาพมาก่อนว่าแท้จริงเป็ยอย่างไร ซึ่งถ้าใครได้เข้าไปในคุกจู้รู้ซซึ้งถึงความหมายนี้ดี
“คุณจะรู้จักคำว่าอิสรภาพก็เมื่อขาดมันไป วันนั้นคุณจะรู้ คุณจะทราบดีว่าอิสรภาพ คือ สิ่งสำคัญเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง”
“ผมส่งให้คุณเลย หูฉลาม ส่งเข้าไปห้คุณกินในเรือนจำ ผมกล้าพูดเลยว่า มันไม่อร่อย”

ทั้งนี้ในรายการ นายชูวิทย์ยังได้เปิดใจครั้งแรกหลังจากไปรักษาตัวจากโรคมะเร็งที่ต่างประเทศ โดยอัปเดตแผนการรักษษในอนาคตต่อไปของตัวเองซึ่งในวันอังคารที่ 18 มี.ค.ที่จะถึงนี้ ตนและผู้ติดตามบางส่วนจะเดินทางไปประเทศจีน เพื่อเช็กร่างกายก่อนจะทำการผ่าตัด “เปลี่ยนตับ”
อย่างไรก็ดี เฮียชูวิทย์ในฐานะแขกรับเชิญสรยุทธย้ำก้อนมะเร็งที่จะผ่าได้ต้องขนาดน้อยกว่า 5 ซ.ม. ซึ่งของตนเองน่าจะเกิน แต่ต้องพยายามทำให้เล็กลง แต่ผลสุดท้ายออกมาถ้าเกินก็คง “ไม่ผ่า” เพราะจะกระทบกับส่วนอื่น.
ตอนที่ไปรักษาตัวยังต่างประเทศ ก็ได้อยู่กับตัวเอง ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ วันนี้ตนกลับมาแล้ว มาคุยที่นี่เป็นการเปิดตัวครั้งแรก แต่ก็คงไม่เหมือนเดิมไม่เอะอะโวยวายพาดพิงใครเหมือนเดิม
“ขี้เกียจขึ้นศาลแล้ว นี่กลับมารักษาตัวแล้วก็สู้คดีด้วย” นายชูวิทย์ ทิ้งท้าย.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สนธิ โพสต์ภาพคู่ ชูวิทย์ แวะมาทักทาย คิดถึงอยากมากินกาแฟด้วย
- ปริศนาเลือดในห้องขัง “ผกก.โจ้” สอบนักโทษห้องติดกัน เตรียมจำลองเหตุสลด
- สรยุทธ ร่วมเฟรม ชูวิทย์ คนแห่ทัก หน้าตาสดใสขึ้น หลังรักษามะเร็ง
- สรยุทธ โต้ข่าวลือ ชูวิทย์ ยังไม่ตาย อยู่ในกระบวนการรักษา มะเร็งตับระยะสุดท้าย
- ชูวิทย์ เคยแฉ เรตค่าตัวทนายตั้ม เก็บค่าเเถลงข่าว 3 แสนบาท
- จตุพร ชี้ บิ๊กป้อม ไฮไลท์ศึกซักฟอก ชอบพูดไม่รู้ หนนี้จ่อคลายข้อมูลลับ